วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

Project Works To create Webblog in Topic Local Attractions,Roi-Et Province (โครงงานการสร้างเว็บบล็อกเพื่อการเรียนภาษาอังกฤษ)


Project Works

To create Webblog in Topic Local

Attractions,Roi-Et Province,for Mattayomsuksa 6/15

Students of Roi-Et Wittayalai School




การสร้างเว็บบล็อกเพื่อการเรียนภาษาอังกฤษ

 เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดร้อยเอ็ด

สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6/15

โรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย

  




    Adviser of project :  Mr.Mongkol Klungmontree

ที่ปรึกษาโครงงาน : นายมงคล คลังมนตรี





Group Information


Mr.Kamonwat  Unpikul  No.1A




Mr.Thanapol  Sanguanchat  No.10A

Mr.Thanawat   Charmnan   No.11A



Mr. Nuttaphol   Kukrasung    No.16 A
Miss Jiraporn  Patta  No.20A

Miss Nateekan   Musikapan     No.25A
Miss Pichayawadee Teekha   No.30A
Mr.Sucha  Kemjariya  No. 8B

Mr.Surasuk  Srihalun  No.6B

Mr.Wittawat  Nunthasen   No.15B



Miss Rutchadaporn  Saenwaet   No.20B


Miss Wanwipa kkhamchaipum  No.21B




Miss Suttinee Sukkorn No.26B
                                                                   M.6/15


วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

Ku Phra Ko na

Ku Phra Ko na




Location: Amphoe Suwannaphum
Ku Phra Ko Na is comprised of 3 brick prangs built on sandstone base, lining from north to south and facing east. The wall and gates at all 4 sides was also built with sandstone.
The central prang was renovated in 1874 by plastering and making the roof into tiers. Each tier has niches of Buddha images in four directions. The front of the central prang was a ‘wihan’ of the Buddha’s footprint, decorated with the original six-headed Naga. The northern prang was covered with a ‘sala’ building providing shelter for a gable depicting the Ramayana. The lintel carving representing the reclining Vishnu remains in situ above the front entrance. The lintel of the western false door was laid on the floor; it depicts the God Vishnu on his mount Garuda. The southern prang still has lintels above the false doors.
It is assumed that Ku Phra Kona formerly had a Naga bridge and causeway lined with boundary stones on both sides from the front entrance pavilion (Gopura) to the lake (Baray), which was located about 300 metres away. All sculptural features suggest that Ku Phra Kona probably dates from the Baphoun period, or the 11th century.
Opening Hours: Daily from 08.30 am. - 04.30 pm.
Admission: FreeHow to get there: Take Highway No.215, pass Amphoe Mueang Suang, Amphoe Suwannaphum and then to Highway No.214, continue for 12 km. Ku Phra Ko Na is on the left.

กู่พระโกนา

กู่พระโกนา ตั้งอยู่ที่บ้านกู่ หมู่ที่ 2 ตำบลสระคู อำเภอสุวรรณภูมิ การเดินทาง จากจังหวัดร้อยเอ็ดเดินทางตามทางหลวงสาย
215 ผ่านอำเภอเมืองสรวง แล้วเข้าสาย 202 ผ่าน อ.สุวรรณภูมิ จากนั้นเข้าสาย214 ไปประมาณ 12 กิโลเมตร ถึงกู่พระโกนา
ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร จากตัวจังหวัดปัจจุบันมีวัดสร้างอยู่ในบริเวณเดียวกัน มีถนนเป็นทางแยกเข้าไป ทางด้านซ้ายมือ
ด้านหน้าจะเป็นสวนยางกู่พระโกนาประกอบด้วยปรางค์อิฐ 3 องค์ บนฐานศิลาทรายเรียงจากเหนือ – ใต้ทั้งหมดหันหน้าไปทาง
ทิศตะวันออก มีกำแพงล้อม และซุ้มประตูเข้า – ออกทั้งปรางค์องค์ กลางถูกดัดแปลงเมื่อ พ.ศ. 2471 โดยการฉาบปูนทับ

และก่อขึ้นเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นมีซุ้มพระทั้ง 4 ทิศ หน้าปรางค์องค์กลางชั้นล่างสร้างเป็นวิหาร พระพุทธบาท ประดับเศียรนาค 6 เศียร
ของเดิมไว้ด้านหน้าส่วน ปรางค์อีก 2 องค์ ก็ได้รับการบูรณะจากทางวัด เช่นกัน แต่ไม่ถึงกับเปลี่ยนรูปทรงอย่างปรางค์องค์กลาง
ปรางค์องค์กลางถูกดัดแปลงเมื่อ พ.ศ. 2471 โดยการฉาบปูนทับและก่อขึ้นเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นมีซุ้มพระทั้ง 4 ทิศ หน้าปรางค์องค์กลาง
ชั้นล่าง สร้างเป็นวิหาร มีพระพุทธบาทประดับ เศียรนาค 6 เศียรของเดิมไว้ด้านหน้า ส่วนปรางค์ อีก 2 องค์ ก็ได้รับการบูรณะจากทาง
วัดเช่นกันแต่ไม่ถึงกับเปลี่ยนรูปทรงอย่างปรางค์องค์กลาง ปรางค์องค์ทิศเหนือ ทางวัดสร้างศาลาครอบ ภายในมีหน้า
บันสลักรามายณะและประทับสลัก ภาพพระนารายณ์บรรทมสินธุ์อยู่ที่เดิมคือเหนือประตูทาง ด้านหน้า  ส่วนทับหลังประตูด้านทิศตะวันตก
หล่นอยู่บน พื้นเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑปรางค์องค์ทิศใต้ยังคงมีทับหลังของเดิมเหนือประตู หลอกด้านทิศเหนือเป็นภาพเทวดานั่งชันเข่า
ในซื้อเรือนแก้วเหนือหน้ากาลนอกจากนี้ ทางด้านหน้ายังมีทับหลังหล่นที่พื้นเป็นภาพพระอิศวรประทับนั่งบนหลังโคและมีเสานางเรียง
วางอยู่ด้วย สันนิษฐานว่ากู่พระโกนาเดิมคงจะมีสะพานนาคและทาง เดินประทับเสานางเรียงทอดต่อจากซุ้มประตูหน้าไปยัง
สระน้ำหรือบาราย ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 300 เมตร จากรูปแบบลักษณะทางศิลปกรรมทั้งหมดของภาพสลัก และเสากรอบประตู
ซึ่งเป็นศิลปะขอม ที่มีอายุในราว พ.ศ. 1560-1630 (แบบปาปวน) สันนิษฐานว่ากู่พระโกนาคงจะสร้างขึ้นในราว พุทธศตวรรษที่ 16

เปิดบริการเวลา: ทุกวันตั้งแต่ 08.30 - 04:30

เข้าชม: ใช้ทางหลวงหมายเลข215 ผ่านอำเภอเมืองสรวงอำเภอสุวรรณภูมิแล้วใช้
ทางหลวงหมายเลขหมายเลข214 ดำเนินต่อไป 12 กม. กู่พระโกนาอยู่บนเกาะด้านซ้าย


Vocabulary (คำศัพท์) : 
comprise              ประกอบด้วย
sandstone            หินทราย                     
carving                 แกะสลัก
original                 ดั้งเดิม
provide                ให้
highway               ถนนทางหลวง
north                     ทิศเหนือ
south                     ทิศใต้
direction              
ทิศทาง
footprint
               รอยพระบาทdecorate                ตกแต่ง
represent
               แสดง
entrance
                ทางเข้า
depict
                     พรรณนาboundary              ขอบเขตsculptural              เกี่ยวกับประติมากรรมfeatures                 คุณสมบัติ
suggest                  
แนะนำ
probably
               อาจ
period
                    ระยะเวลา

Reference : http://www.roiet.go.th/visit101/

Klang Ming Mueang Temple

Klang Ming Mueang Temple

Location:Klang ming mueang temple stands far from the city hall goes to the north about a half kilometer. We arrive at Roi-Et bus- station . we have to take motorcycles. A driver takes us to Klang Ming Mueang Temple in 10 minutes. It costs us about 60 Bath. When enter  temple, we have to be clam and polite. The  weather in temple is cool and nice.The temple is compound of important sacred objects such as a main hall, the principal Buddha images, the old Chadok texts, small Buddha images, the Ming Muaeng palace, the Hor Tri, and a library. We should avoid as a taboo is entering to the church don’t step on the thresholds because it’s impolite and insult the holy things. The old people are trust in the holy. We can take a photo and ask for the information. When we finish to visit it we can walk to Sra Thong Temple because it is next to Klang Ming Mueang Temple. It takes 5 minutes on walking.

History :Klang Ming Mueang Temple, originally named “Wat Klang”. When they built this temple , there was not mentioned clearly. Anyhow, The North of the temple borders  Suk Kasem road, the South of the temple borders Phadung phanich road, the East of the temple borders Jaloernphanich road and, the West of the temple borders  Dumrong Radwitee road. It’s approximately 500 meters far from the center of the town.
Buddhist Temple Hall   The Buddhist Temple Hall is in the Klang Ming Mueang Temple. It was built in 1547 during  Ayuttaya period. In the Buddhist temple Hall, there is a big Buddha image called “Phaputta  Ming Mueang”. It is very famous in Roi – Et and nearby. Outside the Buddhist  temple hall there is the beautiful painting of 12 signs of the zodiac.
 
ที่ตั้ง : วัดกลางมิ่งเมืองตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองร้อยเอ็ดไปทางตอนเหนือประมาณ  500  เมตร  พวกเรามาโดยรถโดยสารลงที่สถานีขนส่งและต่อด้วยรถจักรยานยนต์ใช้เวลาประมาณ  10 นาที  ในราคา 60 บาท  เมื่อถึงที่วัด พวกเราจะต้องมีความสำรวม  และภายในวัดมีบรรยากาศที่สงบร่มเย็น  มีพระอุโบสถที่เป็นที่สักการะที่สำคัญ มีองค์พระรูปขนาดใหญ่และขนาดเล็ก นิทานชาดกเก่าแก่ ภายในวัดกลางมิ่งเมือง เมื่อเราเข้าโบสถ์ ควรหลีกเลี่ยงการเหยียบธรณีประตูเพราะเป็นการกระทำที่ไม่สุภาพและดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นความเชื่อของคนโบราณ  เมื่อเราเที่ยวชมวัดกลางมิ่งเมืองเสร็จแล้ว เราสามารถเดินเลียบคลองมิ่งเมืองเพื่อไปยังวัดสระทองได้ในเวลา 5 นาที
ประวัติ :  วัดกลางมิ่งเมือง ในสมัยก่อนมีชื่อว่า วัดกลาง  เพราะคนสมัยก่อนไม่ได้บอกชื่อที่แน่ชัดไว้ ทางทิศเหนือของวัดติดกับถนนสุขเกษม ทางทิศใต้ของวัดติดถนนผดุงพานิช ทางทิศตะวันออกติดกับถนนเจริญพานิช ทางทิศตะวันตกติดกับถนนดำรงราชวิถี มันอยู่ห่างจากเมืองประมาณ 500 เมตร พระอุโบสถของวัดกลางมิ่งเมือง ถูกสร้างขึ้นเมื่อ พ.. 2090 ในสมัยอยุธยา ในพระอุโบสถมีพระพุทธขนาดใหญ่ชื่อว่า “พระพุทธมิ่งเมือง” ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในจังหวัด ร้อยเอ็ด ภายนอกมีภาพวาดจักราศี 12 ราศีที่สวยงาม
vocabulary:
Polite สุภาพ                            compound บริเวณ                            principal ส่วนสำคัญ                taboo ข้อห้าม                     threshold ธรณีประตู               
 
impolite ไม่สุภาพ            
insult ดูถูก
                                mention กล่าวถึง                              clearly (พูด)กระจ่าง                
border ติดกับ 
                     approximately โดยประมาณ    period ยุคสมัย                    
zodiac จักรราศี
                        sacredly สิ่งศักดิ์สิทธิ์                        church โบสถ์                          enter ทางเข้า                     information ข้อมูล                   trust ความเชื่อ avoid หลีกเลี่ยง                      built สิ่งก่อสร้าง

Reference : 
http://www.roiet.go.th/visit101/

Wat Pa Noon Sawan

Wat Pa Noon Sawan

WAT PA NOON SAWAN TEMPLE
Biography of the abbot  Abbot of Wat Pa Noon Sa Wan. He was born on January 11, 1933.
He came
from a big family. He had 4 sisters and 6 brothers. He asked for the permission of his father and mother to be a monk, when he got 19 years old. He was a novice for two years. He became a monk in 1954. Since that day, he has studied Buddhism and religious rites. He also went on pilgrimages to many different places. In order to learn more, he studied  with many famous monks about  Buddhist  miracles. He had extended his belief  by giving sacred objects to people  who come to the temple. They were things such as the small flag of “Pha Yun" and others.The inspiration in building templeLong time ago, the abbot  arrived at the forest hill temple, which was in Thawatburee distict, Roi Et. The abbot  thought that the place  was good for relaxation and meditation. He then built a house at the hill as his residence. The abbot lived for many years and the villagers had faith in him. One day the abbot  was meditating in his small hut. Suddenly he saw a temple coming from the sky, above where the abbot  was sitting. The abbot thought this  was a sign and he wanted to build the temple.

Location : Wat  Pa Noon Sa Wan is not a big temple. The style and architecture is similar to the temple in abbots dream. It is located in Ban Yangdor, Tambol Thutthai, Maung Roi-Et. The temple is 18 km from Roi-Et. It is open every day and there is no entrance fee.


DOs and DON’Ts
- Dress appropriately .
- Don’t make noise.
- Don’t touch statues in the temple.
- Don’t sit on the statues.
เจ้าอาวาสวัดป่าโนนสวรรค์ เกิดเมื่อวันที่ 11  มกราคม  พ.ศ. 2476  ท่านมาจากครอบครัวใหญ่ ที่มีพี่น้องร่วม 10 คน  ท่านขออนุญาตพ่อกับแม่เพื่อไปบวชเมื่ออายุ 19 ปี ท่านได้บวชเณรอยู่ 2 ปี และได้บวชพระในปี พ.ศ. 2497  หลังจากวันนั้นมา ท่านได้ศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา  และท่านได้ออกไปธุดงค์ในที่ต่างๆ  ท่านได้ศึกษากับพระที่มีชื่อเสียงมากมาย  และท่านได้เผยแพร่ความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กับผู้ที่มาวัดและพวกเขาเหล่านั้นก็ได้ผ้ายันต์กลับไปด้วย  เหตุที่ท่านได้ก่อตั้งวัดขึ้นมาอย่างยาวนาน ท่านได้มาที่วัดป่าในอำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด เนื่องจากที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเป็นศูนย์กลาง จากนั้นท่านก็ได้สร้างกุฏิขึ้น เมื่อท่านมาอยู่แล้วชาวบ้านก็มีความศรัทธา  วันหนึ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ทันใดนั้นท่านก็ได้เห็นวัดที่ลอยลงมาจากท้องฟ้าอยู่เหนือที่ท่านกำลังนั่งอยู่  ท่านจึงคิดว่ามันคือสิ่งที่บอกให้ท่านสร้างวัดขึ้น
ที่ตั้ง : วัดป่าโนนสวรรค์ไม่ใช่วัดที่มีขนาดใหญ่  รูปแบบการตกแต่งของวัดเป็นแบบที่เจ้าอาวาสได้นิมิตเห็น ซึ่งวัดนี้ตั้งอยู่ที่บ้านยางด่อ ตำบลเทอดไทย จังหวัดร้อยเอ็ด  วัดป่าโนนสวรรค์อยู่ห่างจากตัวเมืองร้อยเอ็ด 18 กิโลเมตร  เปิดทุกวันและไม่เสียค่าเข้าวัด
ข้อปฏิบัติ -แต่งกายเหมาะสม
-
ห้ามเสียงดัง-ห้ามจับพระพุทธรูปในวัด
-
ห้ามนั่งบนพระพุทธรูป
TerminologyAbbot เจ้าอาวาส                   permission   การอนุญาต                  novice เณร                           
 
rite พิธีศาสนา                                   religiou   ศาสนา                   pilgrimage การจาริกแสวงบุญ extend ขยายออก                
 
sacred ศักดิ์สิทธิ์               
 
mediation การอยู่ตรงกลาง        
 
relaxationการพักผ่อน                   
 
 residenceที่พัก                      villagerชาวบ้าน                                ritualพิธีกรรม                     inspiration แรงบันดาลใจ               forest ป่า                            
 hill เนินเขา                                         suddenly ทันใดนั้น                            faith ศรัทธา                                         temple วัด                             architecture  สถาปัตยกรรม            similar คล้าย  
appropriately เหมาะสม                    statueรูปปั้น
Reference : http://www.roiet.go.th/visit101/

Ku Ka Sing

Ku Ka Sing




History of Kukasing:
   An old person in the village said, first this place was governed by Khom. The olden day governors of Khom wanted to construct the Ku (Palace). The leader of Khom asked a woman to build Kuprakhona. Then he asked a man to build Kukasing. We don’t know about the time they started building, but we know about the agreement. They be in agreement to contest, when the fixed star seen on the sky the time would be up.   So on the last day of the contest, the woman laid a plot because she wanted to be the winner. She made a lamp and she hung the lamp on a tree. The man saw the lamp and thinking of the morning, he stopped building the Ku because he thought the time was up. In the mean time, the woman hurried to build the KupraKhona and she completed the Ku. However, the man could not complete the Ku. Thus Kukasing is not complete like Kuprakhona.The construction style of Kukasing was influenced from Hinduism and Shiva. between 1007 – 1087 it was the time of Papoun art. People in this area believe that Kukasing is a holy place and it is a dwelling of Shiva. Every May they have Boon Bung fire festival, where they pray for rain.
As for the interesting annual events, there is a sound and light performance every December. This show is called Kin Kao Tung Nung Pha Mai, it means eating local food and wearing
Thai silk. If you are planning to travel to Thailand in December,
do not miss this show.
Why it is called Kukasing:There is no evidence from Khom to confirm the origin of this name.
The name Kukasing comes from Thai-Isan language. Ku is a place like
a chedi. Ka is from Garuda. The Garuda is a large mythical bird or
bird-like creature that appears in both Hindu and Buddhist mythology. Sing is from the lion statue in front of Kukasing.
          คนแก่ในหมู่บ้านกล่าวว่าครั้งแรกที่นี้ถูกปกครองโดยขอม ผู้ว่าราชการขอมสมัยก่อน อยากจะสร้างกู่  ผู้นำของขอมถามผู้หญิงที่จะสร้างกู่พระโกนา จากนั้นเขาก็ถามผู้ชายที่จะสร้างกู่กาสิงห์ เราไม่ทราบเกี่ยวกับเวลาที่พวกเขาเริ่มสร้าง แต่เรารู้เกี่ยวกับข้อตกลง พวกเขาอยู่ในข้อตกลงการแข่งขัน เมื่อเวลาเห็นนักษัตรขึ้นบนท้องฟ้า
ดังนั้นในวันสุดท้ายของการประกวดผู้หญิงจึงวางอุบาย เพราะพวกเธออยากจะเป็นผู้ชนะ เธอทำโคมไฟและแขวนโคมไฟไว้บนต้นไม้ เมื่อผู้ชายเห็นโคมไฟและคิดว่าเช้าแล้ว พวกเขาจึงหยุดการสร้างกู่เนื่องจากคิดว่าหมดเวลาแล้ว ในขณะเดียวกัน
,ผู้หญิงรีบไปสร้างกู่พระโกนาและเธอก็สร้างกู่จนเสร็จ  เสียแต่ว่าผู้ชายนั้นสร้างกู่ไม่เสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นกู่กาสิงห์จึงยังไม่สมบูรณ์เหมือนการก่อสร้างกู่พระโกนา โครงสร้างของกู่กาสิงห์ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาฮินดูและพระอิศวร ระหว่างพ.. 1007 - 1087 มันเป็นช่วงเวลาของศิลปะพระพรหม คนในพื้นที่นี้เชื่อว่ากู่กาสิงห์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่พำนักของพระอิศวร ในเดือนพฤษภาคมของทุกปี พวกเขาจะมีประเพณีบุญบั้งไฟที่พวกเขาจุดขึ้นเพื่อขอฝน
          สำหรับกิจกรรมประจำปีที่น่าสนใจมีการแสดงเสียงและแสงทุกเดือนธันวาคม การแสดงนี้เรียกว่า
กินข้าวทุ่งนุ่งผ้าไหม
มีหมายความว่า กินอาหารท้องถิ่นและสวม
ผ้าไหมไทย หากคุณกำลังวางแผนจะเดินทางมาประเทศไทยในเดือนธันวาคม
ไม่ควรพลาดการแสดงนี้

เหตุผลที่เรียกว่ากู่กาสิงห์ : ไม่มีหลักฐานจากขอม เพื่อยืนยันที่มาของชื่อนี้  กู่กาสิงห์เป็นชื่อมาจากภาษาไทยอีสาน กู่เป็นสถานที่คล้ายกับเจดีย์ กามาจากครุฑ ส่วนครุฑเป็นนกในตำนานขนาดใหญ่หรือสัตว์ประหลาดคล้ายนกที่ปรากฏในตำนานทั้งในศาสนาฮินดูและพุทธ สิงห์มาจากรูปปั้นสิงโตในด้านหน้าของกู่กาสิงห์





Vocabulary
Village                  หมู่บ้าน
Governor              ผู้ว่าราชการ
Construct              สร้าง
Leader                   ผู้นำ
Agreement           ข้อตกลง
Contest                  การประกวด
Lamp                     โคมไฟ
Construction        การก่อสร้าง
Influenced            อิทธิพล
Hinduism              ศาสนาฮินดู
complete               กรอก
festival                  เทศกาล
interesting            น่าสนใจ
annual                    ประจำปี
performance        การปฏิบัติ
However               อย่างไรก็ตาม
evidence                หลักฐาน
mythical                เป็นเรื่องจินตนาการ
mythology            ตำนาน
appear                    ปรากฏ


Reference : http://www.roiet.go.th/visit101/

Prachakomwanaram Temple

Prachakomwanaram Temple

 
Prachakomwanaram Temple

History
 57 years ago, LuengPhu Sri Mahaviroa (Phrathepwisuttimongkol) PhreAjarn Sing Khantayakamo and PhraAjarnMahaBuaYannasoomPanno were invited to live in this temple. In 1962 LuengPhu Sri Mahawiroa started to live in Ban Koa Temple (Phakung Temple). At the time, it was a deserted temple. It was very wild and old. It was 200 years old. Nobody went there, because they were afraid of ghosts and magic art. Before the temple was built, LuangPhusir invited PhraAjarn Sing Khantayakamo and PhraAjarnMahaBuaYannasoomPunno to come and see the land for building the temple. In 1984 King BhumibolAdulyadej, Queen Sirikit, Majesty Pratep and Princess Jurapon went to give an offering, especially robes to monks. After Buddnist Lent at Phrechakomwanaram Temple (PhakungTemple) they gave the private assets to the temple. On January 30, 1997, LuengPhu had a ceremony for laying the cornerstone at PhreMahaChadeeChaiMongkon, NongPhok District, Roi-Et Province; for containing the relics of the Buddha that were brought from Sri Lanka. In 2005, this Stone-Chedee was built to monument LuengPhu who turned to be 90 years old. 40 million baht was spent to build Phakung Pagoda. It sits on four Rais, which is 19 meters long and 40 meters wide. It has five floors. It is the stone-Pagoda with a golden top weighting 101 baht. Inside the Pagoda is decorated by sand-stone, granite and marble. The ceiling is made from auspicious tree. It is a unique and a fascinating place.
 Location
Phakung Temple is located in Phakung village, SrisomdetDistict, Roi-Et Province. It is 537 kilometers away from Bangkok. RoiEt is easy to visit both by airplane and buses. Take the road that passes the following cities: Bangkok, Saraburi, Korat, Ban Pai, Mahasarakam and Roi-Et. It takes 6 hours from Bangkok. Phakung Temple is an identity of RoiEt and fascinating in beauty. When you are inside the temple you should dress appropriately and keep silent. It is a free entrance. The budget for building Stone-ChadeeWatPhakung was 40 million baht. It is on four Rais which is 19 meters long and 40 meters wide. It has five floors. It is a stone-pagoda with a golden top weighting 101 baht. It was decorated by sand-stone from Amphoeparkchong, Nakornrathchasrima province. Inside the pagoda, there are sandstone, granite and marble decorations. The ceiling is built from auspicious tree. It is a unique and a fascinating place.

 
ประวัติ
57ปีที่ผ่านมาหลวงปู่ศรีมหาวีโร(พระเทพวิสุทธิมงคล)พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโมและพระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโนได้รับเชิญไปอาศัยอยู่ในวัดแห่งนี้ ในปี ค.ศ. 1962หลวงปู่ศรีมหาวีโร ได้ไปอาศัยอยู่ในบ้าน เขาวิหาร (วัดป่ากรุง)ในเวลานั้นมันเป็นวัดร้าง และมีป่าที่เก่แก่มีอายุ200 ปีไม่มีใครไปที่นั่นเพราะพวกเขากลัวผีและเวทมนตร์ต่างๆก่อนที่จะวัดถูกสร้างขึ้น, หลวงปู่ศรีเชิญพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโมและพระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโนมาดูพื้นที่สำหรับการสร้างวัด ในปี 1984พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชพระราชินีสิริกิติ์พระบรม พระเทพและเจ้าหญิงจุฬาภรณ์ได้เสด็จไปถวายจีวรให้แก่พระสงฆ์ หลังจากวันเข้าพรรษาที่วัด ประชาคมวนาราม (วัดป่ากรุง) และทรงถวายสินทรัพย์ส่วนพระองค์ให้แก่วัดในวันที่ 30 มกราคม, 1997,หลวงปู่มีพิธีวางศิลาฤกษ์ที่พระมหาเจดีย์ชัยมงคลอำเภอหนองพอกจังหวัดร้อยเอ็ด;สำหรับบรรจุพระธาตุของพระพุทธเจ้าที่ถูกนำมาจากประเทศศรีลังกา ในปี 2005 หิน เจดีย์ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานหลวงปู่ที่มรณะภาพไปตอนที่ท่านมีอายุ90 ปีเงินจำนวน40 ล้านบาทถูกใช้ไปเพื่อสร้างเจดีย์ ป่ากรุง ชึ่งเจดีย์ตั้งอยู่บนเนื้อที่สี่ไร่มีความยาว19 เมตรและกว้าง 40 เมตร มีห้าชั้น ตัวเจดีย์ทำจากทองน้ำหนักประมาณ101 บาทภายในเจดีย์ตกแต่งด้วยทรายหินแกรนิตและหินอ่อน เพดานทำจากต้นไม้มงคล มันเป็นสถานที่ที่แปลกใหม่และน่าสนใจมาก
ที่ตั้งวัดป่ากรง ตั้งอยู่ในหมู่บ้านป่ากรุง อำเภอศรีสมเด็จจังหวัดร้อยเอ็ดห่างจากกรุงเทพประมาณ 537 กิโลเมตรโดยสามารถเดินทางได้ง่ายโดยเครื่องบินหรือรถประจำทางโดยผ่านเมืองต่อไปนี้: กรุงเทพ,สระบุรี,โคราช, บ้านปาย,มหาสารคามและร้อยเอ็ด โดยใช้เวลา6ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ  วัดป่ากรุงเป็นสัญลักษณ์ของชาวร้อยเอ็ดและเป็นสถานที่ที่น่าหลงใหลในความงาม เมื่อคุณอยู่ในพระวิหารคุณควรแต่งกายอย่างเหมาะสมและไม่ส่งเสียงดังและสามารถเข้าชมได้ฟรี งบประมาณสำหรับการสร้าง เจดีย์วัดป่ากรุงรวมเป็นเงิน40 ล้านบาทตั้งอยู่บนเนื้อที่สี่ไร่มีความยาว 19 เมตรและกว้าง 40 เมตร มีห้าชั้น ตัวเจดีย์ทำจากทองน้ำหนักประมาณ 101 บาทมันถูกตกแต่งด้วยทรายและหินจากอำเภอ ปากช่องจังหวัดนครราชสีมา

Terminology 
 
Invited                   เชิญ
Deserted                วังเวง
Offer                      เสนอ
Especially             โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
Private                   ส่วนตัว
Asset                      สินทรัพย์
Ceremony             พิธี
Cornerstone         หลักสำคัญ
Province               จังหวัด
monument            อนุสาวรีย์
spent                      ใช้เวลา
Inside                     ภายใน
Decorated             ตกแต่ง
Auspicious           ฤกษ์งามยามดี
Unique                  เป็นเอกลักษณ์
Following             ดังต่อไปนี้
Appropriately      เหมาะสม
Marble                   หินอ่อน
Lent                       เข้าพรรษา
Buddhist               ชาวพุทธ
 Reference : http://www.roiet.go.th/visit101/